กฎหมายรั้วบ้าน เรื่องควรรู้ก่อนทำรั้ว

บอกได้เลย รั้วบ้านถือเป็นส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งของบ้าน หากคุณซื้อบ้านแล้วมีรั้วบ้านมาพร้อมกับตัวบ้านเลยก็อาจไม่ต้องกังวลใจ แต่หากคุณต้องการสร้างรั้วบ้านภายหลัง ลองมาดูว่าก่อนจะสร้างรั้วบ้านนั้นมีกฎหมายอะไรที่เราควรรู้ก่อนลงมือทำ

ทำรั้วบ้านต้องขออนุญาตหรือไม่

จากมาตรา 4 ว่าไว้โดยปกติรั้ว และ กำแพงไม่ถือเป็นอาคาร แต่หาก รั้วหรือกำแพงที่ติดต่อกับที่ดินสาธารณะ หรือ สิ่งปลูกสร้างที่สร้างขึ้นให้บุคคลทั่วไปใช้สอยเท่านั้นที่เป็นอาคาร ต้องขออนุญาตก่อสร้างตามกฎหมายฉบับนี้ ในขณะที่รั้วกั้นระหว่างที่ดินของเอกชนด้วยกัน ไม่เป็นอาคาร ไม่ต้องขออนุญา

แต่อย่างไรก็ตาม รั้วที่กั้นระหว่างที่ดินเอกชนด้วยกัน หากมีความสูงตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป ก็จะต้องขออนุญาตเช่นกัน

   สิ่งที่ถูกจัดเป็นอาคารตามกดหมาย

ตามมาตรา 4 (5) ข้างต้นกำหนดว่าให้มีกฎกระทรวงกำหนดได้ว่าจะให้สิ่งใดเป็นอาคารหรือไม่ และก็มีกฎกระทรวงกำหนดสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่นเป็นอาคารตามกฎหมาย พ.ศ. 2544 ข้อ 1 กำหนดไว้แบบนี้

ข้อ 1 ให้สิ่งทีสร้างขึ้นดังต่อไปนี้ เป็นอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522

(1) ถังเก็บของที่มีความจุตั้งแต่ 100 ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป

(2) สระว่ายน้ำภายนอกอาคารที่มีความจุตั้งแต่ 100 ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป

(3) กำแพงกันดินหรือกำแพงกั้นน้ำที่ต้องรับความดันของดินหรือน้ำที่มีความสูงตั้งแต่ 1.50 เมตรขึ้นไป

(4) โครงสร้างสำหรับใช้ในการรับส่งวิทยุหรือโทรทัศน์ที่มีความสูงจากระดับฐานของโครงสร้างนั้นตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป และมีน้ำหนักรวมตั้งแต่ 40 กิโลกรัมขึ้นไป

(5) สิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่นนอกจาก (1) (2) (3) และ (4) ที่มีความสูงจากระดับฐานตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป

สรุปได้ว่า รั้วหรือกำแพงบ้านที่จะต้องขออนุญาตก่อสร้าง เพราะถือเป็นอาคารตามกฎหมายควบคุมอาคารทั้ง 2 ประเภท คือ รั้วที่ติดกับที่สาธารณะ และ กำแพงบ้าน ที่มีความสูงตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป จะต้องขออนุญาตก่อสร้าง เพราะถือเป็นอาคารตามกฎหมาย

การก่อนสร้างรั้วบ้านหรือกำแพงในเขตกรุงเทพ

ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารฯ ซึ่งมีข้อกำหนดต่าง ๆ เกี่ยวกับรั้วดังนี้

ข้อ 5 รั้วหรือกําแพงกันเขตที่อยู่มุมถนนสาธารณะที่มีความกว้างตังแต่ 3 เมตรขึ้นไป และมีมุมหักน้อยกว่า 135 องศา ต้องปาดมุมรั้วหรือกําแพงกันเขตนั้น โดยให้ส่วนที่ปาดมุมมีระยะไม่น้อยกว่า 4 เมตร และทํามุมกับแนวถนนสาธารณะ เป็นมุมเท่า ๆ กัน

ข้อ 42 กำหนดว่าการสร้างรั้วไม่ต้องร่นแนวอาคารจากที่สาธารณะอย่างอาคารอื่น ๆ

ข้อ 47 กำหนดว่ารั้วหรือกําแพงที่สร้างขึ้นติดต่อหรือห่างจากถนนสาธารณะน้อยกว่าความสูงของรั้ว ให้ก่อสร้างได้สูงไม่เกิน 3 เมตร เหนือระดับทางเท้าหรือถนนสาธารณะ

แต่สำหรับความสูงของรั้วในเขตกรุงเทพมหานครนั้น มีข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานครเรื่องควบคุมอาคาร พ.ศ. 2544 ข้อ 50 กำหนดไว้แบบนี้

ข้อ 50 อาคารที่ก่อสร้างหรือดัดแปลงใกล้ถนนสาธารณะที่มีความกว้างน้อยกว่า 6 เมตร ให้ร่นแนวอาคารห่างจากกึ่งกลางถนนสาธารณะอย่างน้อย 3 เมตร มิให้มีส่วนของอาคารล้ำเข้ามาในแนวร่นดังกล่าว ยกเว้นรั้วหรือกำแพงกั้นแนวเขตที่สูงไม่เกิน 2 เมตร

สรุปคือ รั้วในเขตกรุงเทพมหานครที่สร้างติดเขตที่ดินข้างเคียงหรือที่สาธารณะโดยไม่มีระยะร่น ต้องมีความสูงไม่เกิน 2 เมตร แต่ในท้องที่อื่นก็สามารถสร้างได้สูง 3 เมตร

สำหรับเรื่องรูปทรง และลวดลาย และความหนาของรั้วหรือกำแพงนั้น ไม่มีกฎหมายบังคับไว้

ควรสร้างรั้วบ้านตรงส่วนไหนของแนวเขต

ตำแหน่งของการสร้างรั้วเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน 

  •  รั้วที่ดินติดพื้นที่สาธารณะ

โครงสร้างรั้วทั้งหมดจะต้องอยู่ในที่ดินของเรา ห้ามมิให้ส่วนใดล้ำเข้าไปในที่สาธารณะ รวมไปถึงโครงสร้างส่วนที่อยู่ใต้ดิน

(ตัวอย่าง การทำรั้วติดที่ดินสาธารณะให้ถูกกฎหมาย)

  • รั้วที่ติดกับที่ดินเอกชน

การสร้างรั้วที่ดินติดกับที่ดินเอกชน(ที่ไม่ใช่ที่ดินสาธารณะ) ถ้าหากไม่ได้ตกลงกันไว้ก่อน ก็จะต้องสร้างภายในเขตที่ดินของเราเองทั้งหมดเช่นกัน แต่ถ้าหากมีการพูดคุยหรือตกลงกันได้ ก็สามารถสร้างรั้วตรงกึ่งกลางแนวเขตระหว่างที่ดินได้

(ตัวอย่าง การทำรั้วที่ดินแบ่งเขตเอกชนกับเอกชนให้ถูกกฎหมาย)

สิทธิ์การครอบครองรั้วหรือกำแพง

กรรมสิทธิ์ในรั้วถ้าเราสร้างทั้งหมดในเขตของเราเอง ก็ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเราเองทั้งหมด เพื่อนบ้านด้านติดกันจะมาทำอะไรกับรั้วไม่ได้ 

รั้วที่สร้างขึ้นตรงกึ่งกลางแนวเขตโดยเพื่อนบ้านยินยอม ถ้าไม่ได้ตกลงอะไรเป็นพิเศษก็น่าจะถือว่าตกลงให้รั้วเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมระหว่างเรากับเพื่อนบ้านโดยปริยาย 

ดังนั้น รั้วด้านที่ติดกับเพื่อนบ้านก็เป็นสิทธิของเพื่อนบ้านที่จะทาสี หรือทำอะไรก็ได้ตราบที่ไม่กระทบกับโครงสร้างของฝั่งเรา สำหรับการซ่อมแซมรั้วนั้น ผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ก็ต้องซ่อมไป คือ ถ้าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์คนเดียวก็ต้องซ่อมคนเดียว ถ้าเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมก็ช่วยกันออกค่าซ่อม เท่านั่นเอง

ตะกร้าสินค้า